การผลิตตัวนูน 3D Emblem
จากบทความที่แล้วเราอธิบายและทราบดีแล้วว่าตัวนูนที่เห็นติดกันในปัจจุบันนี้ มีกี่ประเภท และประเภทไหนเป็นตัวนูนที่ดีที่สุด นั่นก็คือตัวนูนที่ผลิตมาจากแม่พิมพ์ Injection molding นั่นเอง เพราะกระบวนการผลิตและคุณภาพเหมือนของแท้ที่ออกมาจากโรงงานผลิตรถยนต์
วันนี้เราจะมากล่าวถึงการขั้นตอนผลิตตัวนูน 3มิติ เพื่อที่จะให้ทุกท่านทราบว่ากว่าที่จะผลิตออกมาสู่ตลาดได้นั้น ต้องมีขั้นตอนและวิธีการอะไรบ้าง
1. Maeket Research การสำรวจตลาด
ขั้นตอนแรกของการเลือกว่าจะผลิตตัวนูนของรถรุ่นไหน เราต้องทำการสำรวจความต้องการของตลาดก่อนเป็นอันดับแรก วิธีการสำรวจนั้นก็ทำได้หลายทาง เช่น Survey ทำแบบสอบถามกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทำแบบสอบถามอนนไลน์ เปรียบเทียบข้อมูลกับรถรุ่นก่อน(เช่น Everestรุ่นก่อนนิยมติดตัวนูน New Everestรุ่นใหม่ก็มีแนวโน้มว่าจะนิยมเหมือนกัน) หาข้อมูลในคลับของรถยนต์รุ่นต่างๆ(เว็ปไซต์, Facebook) หาข้อมูลว่ามีตัวนูนรถรุ่นไหนบ้างที่มีขายและรุ่นไหนขายดี (
ซึ่งจากการสำรวจรถยนต์ในตลาดปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่ารถยนต์ที่นิยมติดตัวนูน 3มิติ คือ Ford Everest, Pajero Sport และ Ford Ranger
2. Part Design การออกแบบชิ้นงาน
ขั้นตอนต่อมาก็คือการออกแบบตัวนูน Part Design ซึ่งหลักๆจะมี 2 ส่วนหลักๆคือ การลอกแบบฝากระโปรง Hood Surface เพื่อทำออกมาเป็น CAD 3D หลังจากนั้นเราก็จะสามารถออกแบบตัวนูน Letter Design ตามพื้นผิวของฝากระโปรงรถยนต์รุ่นนั้น
2.1 Hood Design การออกแบบฝากระโปรง
เมื่อเราทราบแล้วว่าจะทำตัวนูนรถรุ่นไหน ขั้นต่อมาเราก็จะมาทำการออกแบบตัวนูนกัน วิธีการก็คือต้องทำการเขียนแบบ 3D ของฝากระโปรงรถขึ้นมาก่อน เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากเพราะฝากระโปรงหน้าของรถจะเป็นลักษณะโค้ง ไม่ได้เป็นผิวเรียบ ***หมายความว่าถ้าเราทำตัวนูนแบบพื้นเรียบอย่างเช่น ตัวนูนอะคลิลิก หรือ ตัวนูนสแตนเลส เวลาติดมันจะมีส่วนที่ไม่แนบสนิท จะมีส่วนที่เผยอออกมา*** ซึ่งเราต้องใช้เครื่อง scanning มาสแกนบนฝากระโปรง แล้วเครื่องจะแปลงค่าออกมาเป็น model 3D ให้อัตโนมัติ
2.2 Letter Design การออกแบบตัวนูน 3D
หลังจากเราได้แบบของพื้นผิวฝากระโปรงแล้ว ขั้นต่อมาคือการออกแบบตัวหนังสือ Letter deign โดยเราจะออกแบบให้ผิวด้านหลังของตัวหนังสือแต่ละตำแหน่งมีความโค้งให้พอดีกับฝากระโปรง ***ทำให้ตัวหนังสือแนบสนิท ไม่มีช่องว่าง ไม่มีส่วนที่เผยอ เศษฝุ่นเข้าไม่ได้***
จุดสำคัญอีกอย่างก็คือ แบบตัวหนังสือ Font design โดยเราจะทำให้เหมือนกับฟ้อนต์ของรถรุ่นนั้น เช่น Everest และ Pajero Sport รูปแบบฟ้อนต์ตัวหนังสือก็แตกต่างกัน เราต้องทำให้เหมือนกับฟ้อนต์ที่ผลิตมาจากโรงงาน
3. Mold Design การออกแบบแม่พิมพ์
หลังจากเราออกแบบชิ้นงานตัวนูนเสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการออกแบบแม่พิมพ์ Mold design ซึ่งผู้ออกแบบจะใช้โปรแรม solfware เฉพาะทาง เช่น CIMATRON, UG NX, SOLID WORK, CATIA เป็นต้น แล้วแต่ความถนัด ซึ่งหลังจากออกแบบเสร็จต้องมีการวิเคราะห์จากโปรแกรมจำลองเช่น Mold Flow หรือ Moldex3D เพื่อให้มั่นใจว่าแม่พิมพ์สามารถผลิตชิ้นงานได้โดยไม่มีปัญหา เช่น Weld line, Sink mark, Short shot, รวมไปถึงระบบต่างๆของแม่พิมพ์เช่น Ejector system, Runner system, Cooling system ***เพราะว่าถ้าหากไม่ทำการวิเคาระห์ให้ดีแล้ว แม่พิมพ์ที่สร้างขึ้นมาแล้วจะแก้ไขยาก ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการแก้ไขแม่พิมพ์ นี่คือสาเหตุที่ต้องทำการวิเคราะห์อย่างละเอียด***
4. Mold Manufacturing การผลิตแม่พิมพ์
หลังจากเราออกแบบแม่พิมพ์ CAD 3D เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการผลิตแม่พิมพ์ซึ่งเป็นงาน Work shop ที่ต้องใช้เครื่องจักรต่างๆ Hard machine ในการสร้างชิ้นส่วน Component อื่นๆขึ้นมา โดยขั้นตอนนี้เป็นการแปลงจากงาน CAD มาเป็นงาน CAM
5. Mold Trial & Sample Approval การทดลองผลิตและอนุมิติชิ้นงาน
หลังจากเราผลิตแม่พิมพ์ Mold เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการทดลองผลิตงานจริง Off Tool, Off Process โดยเป็นการยืนยันว่าแม่พิมพ์ถูกสร้างมาตรงตามที่ออกแบบ Design และไม่มีปัญหาในการผลิตชิ้นงาน หากเจอปัญหาก็ทำการแก้ไขจนกว่าจะได้ชิ้นงานตามคุณภาพ หลังจากนั้นก็ทำชิ้นงานสำเร็จเหมือนงานจริงทุกอย่าง เช่น ชุบโครเมียม Chrome Plating, Spray Painting ทำสีต่างๆ เช่น สีดำ สีเงิน สีเทา เป็นต้น แล้วส่งไปให้ลูกค้าทำการทดสอบโดยการติดตั้งบนรถจริง ตรวจสอบ Apperance คุณภาพสี คุณภาพชุบโครเมียม และอื่นๆ หากยังมีจุดที่ต้องแก้ไข เราก็จะกลับมาแก้ไขแล้วส่งตัวอย่างชิ้นงานมาให้ลูกค้าตรวจสอบจนยืนยันคุณภาพตรงตามสเปก เราก็จะทำการตกลงร่วมกันทำเป็นชิ้นงานอ้างอิง Master Sample หากงานที่ผลิตจริงมีคุณภาพไม่เหมือนชิ้นงานอ้างอิง ลูกค้าสามารถปฏิเศษ Reject/Claim สินค้าได้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคตและปฏิเศษความรับผิดชอบ ***หากลูกค้าไม่ยืนยัน Master Sample ทางโรงงานไม่สามารถเริ่มผลิต Mass Production ได้***
6. Mass Production การผลิตสินค้าจริง
หลังจากเราทำการทดลองและแก้ไขชิ้นงานจนได้ Master Sample เสร็จแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือการผลิตจริง โดยทางโรงงานต้องควบคุมคุณภาพให้ตรงตามชิ้นงานอ้างอิง Master Sample ตามที่ตกลงร่วมกัน ซึ่งการผลิตจริงจะทำในจำนวนครั้งละมากๆ เช่น 1,000 ชิ้น หรือ 10,000 ชิ้น ก็แล้วแต่คำสั่งซื้อและจำนวนขั้นต่ำที่ตกลงกันตั้งแต่แรก
7. Packing & Delivery การบรรจุภัณฑ์และจัดส่ง
หลังจากเราทำการผลิตชิ้นงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการบรรจลงหีบห่อและทำการจัดส่ง โดยขึ้นกับการตกลงกับทางลูกค้าว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย โดยส่วนมากโรงงานจะเสนอราคาแบบ EXW นั่นคือทางเราต้องเป็นผู้ดูแลและหา Agent ไปรับของที่โรงงานผลิต จากนั้นก็ส่งออกมาทางเรื่อ LCL, FCL หรือทางอากาศ DHL, FedEx หรือจ้างเอกชนขนส่งทางรถก็ได้
8. Feedback & Improvement การติดตามผลและปรับปรุงคุณภาพ
หลังจากผลิตสินค้าและทำการปล่อยออกสู่ตลาดเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่จะลืมไม่ได้คือการติดตามผลและปรับปรุงคุณภาพอยู่ตลอดเวลา หากมีคำติชมจากลูกค้าผู้ใช้งานจริงเราต้องนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุและทำการปรับปรุงแก้ไข เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า
หน้าที่เข้าชม | 481,524 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 255,193 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 ต.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 14 ก.ค. 2568 |